วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

PIXPROS FIELD TEST : Nikkor AFS 85 1.4 G NANO

สวัสดีครับ 

วันนี้มาดูรีวิวเบาๆสบายๆ ของ เลนส์สุดโหด หมัดหนักตัวนึงของ NIKON ที่ออกมาสั่นสะเทือนใจของคอพอร์เทรท ทั้งหลายนะครับ 

หลายๆคนอาจจะคุ้นเคยกับ 85 1.4 มาแล้ว เพราะออกมาก็นานแล้ว 

แต่เวอร์ชั่นนี้ นับว่านิคอน ทำเลนส์ตัวนี้ออกมาในราคา 2 เท่าจากของเดิม 

คมกว่าเดิม หล่อกว่าเดิม ดีกว่าเดิม และ แพงกว่าเดิม 

http://www.niksthailand.co.th/produc...Focal%20Length

ผมได้เลนส์ตัวนี้มาทดสอบสักระยะนึงแล้วครับ ได้ใช้ทั้งใน และนอกสถานที่ บอกได้เลยว่า วางไม่ลง พอๆกับ 24 1.4 เลยทีเดียวครับ 

เป็นบททดสอบสบายๆอีกเช่นเดิมนะครับ 

1. คมมั้ย ???

ต้องบอกว่า โคตรคม คมเกินไป จนไม่สนุก หากอยากได้อารมณ์อย่าง 105 DC หรือ 135 DC 

ภาพนี้เปิดที่ เอฟ 4.0 ครับ
ครอป 100 แบบไม่ทำอะไรเลย 
2. 1.4 ใช้ได้จริงเหรอ ???

ภาพบางภาพ ก็อยากใช้ ไม่อยากใช้ แล้วแต่ผู้จ่ายตังค์ครับ ... แต่มีภาพอีกเยอะแยะมากมาย ที่ ต้องการ 1.4

เอ้า ครอป 100 !!!

3. ใช้สนุกตอนไหน 

ตอนที่ต้องการสปีดสูงๆ ในที่แสงน้อยๆ ครอป 100 คม ก็ไว้ใจได้ เรื่องน๊อยส์ก็ไม่ต้องกังวลมากมายนัก 

แล้วเราก็หยุดการเคลื่อนไหวบนเวทีได้สบายๆ 1/1250 ที่ iso 800 

4. เอฟ 1.4 โดยไฟนำในสตูดิโอ 

เบาๆสบายๆ บางครั้งเราพบว่า ไม่ต้องใส่ไฟสตูดิโอ เต็มแม๊ก ....

ภาพเกิดจากไฟนำ ส้มๆ สวยๆ เปิด 1.4 เน้นอารมณ์ได้สบายๆ 

ขอบคุณภาพนี้จากน้องแบ๊งค์ โฟโต้ฟูล ด้วยครับ
แล้วถ้าใส่ไฟสตูดิโอเข้าไป ???

ขอบคุณ พี่ธีร์ ไชยเดช ด้วยนะครับ ^^
ขอบคุณนายแบบอีกคนครับ ^^ เปิดที่ 1.4 

ถ่ายด้วยไฟนำ พี่นัท สุมนเตมีย์ 

การถ่ายไฟสตูดิโอ ไม่จำเป็นต้องเค้นรูรับแสงไปเยอะๆ หลายคนคงอยากได้แบบนั้น เอฟ 1.4 ตอบโจทย์นี้ กับโคมไฟสักตัว ที่ห้องนั่งเล่นในบ้าน สบายๆครับ
5. outdoor ???

อธิบายมากไม่ได้ อยากให้ดูภาพมากกว่าครับ ...​โฟกัสเร็ว และ หน้าเลนส์ขนาด 77 มม ... บอกได้เลยว่า โอกาสที่จะโฟกัสพลาดในที่แสงเยอะๆแบบนี้ เป็น 0 ครับ เข้าทุกครั้ง และ ไม่มีอาการวืดวาดให้เห็น 
6. ฉากหลัง ??? 

กับอะไรๆ ที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ก็เกิดขึ้นได้เสมอที่ 1.4

เปิด 1.4 กับระยะราวๆ 6 เมตร 

เดฟฟฟฟฟ
7. ถ่ายขณะเคลื่อนที่ ผ่านกระจกรถ 

มีความแม่นยำ และ รวดเร็วมากมาย และ ไว้ใจได้ครับ หลายคนอาจจะเคยใช้รุ่นเก่า และ ยืนยัน นอนยันกันว่า ตัวเก่าเร็วกว่า ... 

ตัวใหม่ ช้ากว่า แพงกว่า 

ผมว่ามันมีเหตุผลของมันครับ
.8. ในที่ ที่ต้องใช้ 1.4 ฉากหลังใกล้ มีอะไรต้องตัดทิ้งเยอะ 

เลนส์ตัวนี้เปลี่ยนมุมมอง และ การทำงาน ในสถานการณ์บางอย่างได้สบายๆ คือ พูดง่ายๆว่า จากรูปที่คิดว่าจะยาก จะไม่ได้ ก็เปลี่ยนไป เมื่อใช้ 1.4 

มุมคลาสสิคแบบนี้ .... อยากให้ดูครับ ว่า ใส ว่าแจ่มขนาดไหน
บทสรุป 

ข้อดี 
1. คมมากๆตั้งแต่ 1.4 
2. น้ำหนักเบา ครึ่งกิโลเท่านั้น
3. ขอบม่วงน้อยมาก
4. 1.4 ก็คือ 1.4 สว่างใช้งานได้จริง 
5. ฮูดสวย และ ใช้งานได้ 
6. วัสดุดีเยี่ยม 
7. การจับถือดี นิ่งจนรู้สึกได้ เมื่อประคองดีๆ

ข้อเสีย 

1. ราคาสูง
2. ช้าไปนิดเมื่อเทียบกับตัวเก่า 
3. จะเอาฟิลลิ่ง แบบ 105 หรือ 135 mm DC นั้นไม่มีให้ มีให้แต่ความคมระดับเทพ ไม่นุ่ม ไม่นวล คมเน้นๆ 


สรุป 

เบา แข็งแรง ดี คม ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา มันคือ เลนส์ที่ คุ้มราคาทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปครับ ไม่ต้องถามเทียบกับตัวเก่า คุณภาพ ทิ้ง ขาดจน ไม่เห็นข้อที่จะเอามาเปรียบเทียบกันได้ 

แต่ถ้าเงินเป็นปัญหา .... แนะนำให้เก็บเงินเพิ่มครับ !!!

ฟันธง !!! สวัสดีคร้าบบบบ 

Credit : Pixpro House





PIXPROS FIELD TEST : D600 : ผมไม่เล็กนะคร้าบบบ

สวัสดีครับ 

แหะๆ ...​ กลับมาเจอกันอีกครั้งในการทดสอบภาพสนาม หลายๆคนเพิ่งเจอไปกันในกระทู้ P7700 และยังไม่อยากดูกระทู้แบบนี้เท่าไหร่นัก ... ยิ่งตัวนี้แล้วด้วย เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่ชอบท่องโลก เดินทาง แต่ก็อยากหวังผลภาพถ่ายที่ดีไปด้วย 

รายละเอียดกล้องครับ 

http://www.nikon.co.th/productitem.p...528-606ea4f9d2

ผมใช้เจ้า D600 ทดสอบขณะที่ไปเที่ยว ที่ประเทศอินเดียพอดีครับ ต้องบอกว่า มีจำหน่ายมาสักพักหนึ่งแล้ว และหลายๆคนคงได้เป็นเจ้าเข้าเจ้าของกันไปเยอะแล้วนะครับ ^^ 

อันนี้เหมือนเอากลับมาเล่าให้ฟังกันเสียมากกว่า กล้องใช้งานสนุกยังไงนะครับ เพราะกล้องเองไม่ได้ถูกวางไว้ในตำแหน่งที่ ซีเรียสมากนัก ... 

เราเองก็ดูๆไปแบบไม่ซีเรียสนะครับ ^^ 

ช่วงนี้เป็นนายแบบบ่อยนะเนี่ยะ 
Build Quality 

โครงสร้างกึ่งพลาสติคและแม็กนีเซียมอัลลอย ออกแบบมาเพื่อเน้นไปที่น้ำหนักเบา เพราะใส่แบตแล้วหนักเพียง 8 ขีดครึ่ง 

ซึ่งเบากว่า D800 ที่ว่าเบาแล้วลงไปอีกขีดกว่า นั่นทำให้ ต่างกับ D700 รุ่นพี่ราว 2 ขีดนิดๆ (น้ำหนักราวเลนส์ 50 mm เลยที่เดียว) โครงสร้างด้านบนหรือ ฝาบนที่เป็นบริเวณที่อยู่ของปริซึมและส่วนควบคุมจะเป็นแม็กนีเซียมอัลลอยทั้งหมด รวมไปถึงด้านหลังของบอดี้ คือ แผงรอบจอนั่นเอง 


ส่วนโครงส้รางของบอดี้ จะเป็นพลาสติค (ก็ต้องบอกว่า พลาสติค ที่พูดถึงนี้ คือ โพลีคาร์บอเนต ที่มีโครงส้รางและการออกแบบที่ดีมาก เอาจริงๆผมว่า ส่วนที่เป็นโพลีคาร์บอเนตความหนาแน่นสูงตรงนี้ น่าจะแข็งแรงสูสีโลหะและน้ำหนักน่าจะเบา หลายคนสงสัยว่า ทำไมไม่ทำทั้งตัว ซึ่งโครงสร้าง ตรงกลางของกล้องนั้น จะต้องใส่ชิ้นส่วนของระบบประมวลผลและเซ็นเซอร์ 

อีกทั้งต้องรองรับสายไฟและต้องมีช่องอีกจิปาถะ การจะทำโมลที่มีรายละเอียดมาก และบอดี้ที่เป็นแม็กนีเซียมอัลลอยทั้งหมด อาจจะทำให้ D600 ไม่สามารถ ทำราคา ได้ให้น่าสัมผัสมากเท่านี้ก็เป็นได้ แต่จะเป็นว่า MB D14 นั้นออกแบบมาให้เป็น แม็กนีเซียมอัลลอย … 


ผมคิดว่า หากใครอยากได้ แข็งแบบ ตอกฝาโลงหรือเอาไปออกค่ายสร้างโรงเรียนนั้น ใส่กริ๊ปน่าจะเหมาะ …ส่วนเรื่องเมาท์เลนส์จะเป็นอะไรหรือไม่ แข็งพอไหม ผมคิดว่าถ้ามัน แข็งไม่พอ ป่านนี้ คงมี D7000 ส่งซ่อมกันมหาศาลหรือ D70/D100/D80 ไว้ใจเถอะครับ ยังไม่มีปัญหานี้สักที อย่าไปกังวลเผื่อทีมวิศวกรเลยครับ 
วัสดุและการจับถือ 

คุณภาพของ ปุ่มกด วัสดุที่เลือกใช้ ค่อนไปทาง D800 เสียเยอะ ผมทดสอบกล้องตัวนี้ภาคสนามโดยมี D4 และ D800E เป็นบอดี้ข้างเคียง ที่ใช้ทดสอบร่วม ถ้าสลับกันระหว่าง D800E และ D600 นั้น ให้ฟีลลิ่งการจับถือ ต่างกันน้อยมาก หรือแทบไม่รู้สึกเลย หากไม่นั่งหลับตาจ้องจับผิดจริงๆ แต่บางครั้งที่ใส่ถุงมืออยู่ D800 จะให้ความรู้สึกที่ กระชับกว่า เพราะใหญ่กว่าเท่านั้นเอง ส่วนนอกนั้น ดูแต่ในรูป จะไม่รู้เลยว่า มันจับถนัดกว่าที่คิด 


เพราะการออกแบบกริปมือนั้น มีลักษณะ โค้ง ไม่ตรงแบบกล้องนิคอนรุ่น กลางรุ่นเล็ก (กริปมือจะโค้งรับมือเหมือน D4 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจับถือ ) ทำให้ กริปมือที่มีขนาดสั้น แต่สามารถจับถือได้ง่ายมากจนน่าแปลกใจ เสียดายที่ ยางที่ให้มานั้น มีรายละเอียดของเนื้อยางเปลี่ยนไปเล็กน้อยจาก D7000 เหนียวกว่า รู้สึกหนึบกว่า แต่ก็ไม่เท่ารุ่นพี่อย่าง D800 

หากจับถือด้วยมือขวา … อันนี้เป็นความรู้สึกแสนวิเศษมากสำหรับกล้องตัวนี้ คือ ออกแบบมีที่รองรับนิ้วโป้งไว้ใหญ่พอดีๆ
ทำให้เมื่อจับร่วมกันแล้ว D600 จะเป็นกล้นกล้องที่ จับได้ถนัดมากที่สุดตัวหนึ่งแม้ยังไม่ใส่กริ๊ป (ผู้ทดสอบ มือไม่เล็กนะครับ 555 ) สำหรับคนมือเล็กนั้น สบายๆ และจะรักกล้องตัวนี้ไปเลยล่ะครับ 


การวางปุ่มกด สะดวกและให้มาครบๆ ที่โดดเด่นออกมาคือ ปุ่มควบคุมโหมดถ่ายภาพ ซึ่งอยู่ด้านบนซ้าย มีปุ่มล็อคอยู่ตรงกลาง ซึ่งหลายคนบอกไม่สวย แต่จะบอกว่า มันมีประโยชน์มากมายมหาศาลสำหรับคนที่สะพายเดินเล่นแล้ว ชอบไปโดนจนปุ่มหมุนเลื่อนไปโหมดอื่นบ่อยๆ การออกแบบปุ่มอื่นๆนั้น คล้ายคลึงและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมายนัก แต่เน้นตำแหน่งไปคล้าย D800 

โดยปุ่มอัดวีดีโออยู่ด้านบน และปุ่มโยกสลับ สำหรับ Live View ของภาพนิ่งและวิดีโอนั้น เป็นแบบรุ่นพี่ใหม่ๆหมดแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ทดสอบพอใจคือ ปุ่มฟังก์ชั่นเสริม ทั้งสองปุ่มที่ให้มาสำหรับเป็น ปุ่มอะไรก็ได้ แล้วแต่เลือกใช้นั้น ออกแบบได้ ใช้สะดวกกว่ารุ่นพี่ เพราะตำแหน่ง แยกห่างกันชัดเจน ไม่สับสนเหมือน D800 ที่ บางครั้งก็มีกดผิด กดถูกบ้างเป็นบางครั้ง 
การออกแบบโดยรวม 

ใส่การ์ดได้ 2 ช่อง เป็น SD ทั้งคู่ ก็ต้องบอกว่า พอเหมาะพอเจาะ เพราะ SD นั้นราคาไม่ได้แพงมากนัก รอบนี้ผู้ทดสอบใช้ SD ความเร็ว ในการเขียน 60 mb/sec ในการทดสอบ ซึ่งราคาไม่ได้แพงมากและใช้งานได้ราบรื่น ทั้งการใช้ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว สเปคการ์ดที่ ควรจะใช้ น่าจะเป็นที่ 30 mb/sec เพราะเคยทดสอบแล้วไม่มีปัญหาแต่อย่างใด 
ช่องต่อและรีโมท 

สามารถต่อเชื่อมได้ไม่แพ้รุ่นพี่ครับ ช่องต่อไมโครโฟน ME-1 และ USB 2.0 สำหรับ camera control pro และมี HDMI Clean Feed หรือ Uncompressed HD VDO คือ บันทึกภาพเคลื่อนไหว แบบไม่บีบอัดส่งตรงเข้าฮาร์ดดิสก์ได้เลย (ตรงนี้ต้องใช้อุปกรณ์เสริมเยอะสักนิดครับ) แต่ท้ายแล้ว VDO option ที่ D600 ให้มานั้น คือ ยกมาจาก D800 ทั้งชุด ไม่ว่าจะเป็นครอป VDO บน DX Area หรือ FX และเฟรมเรท มาทั้งชุดครับ ^^  

รีโมทใช้ร่วมกับนิคอนหลายตัวได้ โดยใช้รุ่น ML L3 ซึ่งสามารถทำได้ทั้ง ลั่นชัตเตอร์ หรือถ่ายโหมด BULB นะครับ โดยหมุนวงแหวนควบคุมด้านบน ที่เป็นวงแหวนไว้เลือกฟังก์ชั่นการถ่าย ภาพเดี่ยว ต่อเนื่อง รีโมท ชัตเตอร์เงียบ ตั้งเวลา รวมไปถึงล็อคกระจก  

ช่องต่อสำหรับ GPS ก็มีมาให้เรียบร้อย อีกจุดหนึ่งที่โดดเด่นสำหรับ D600 นั้น คือ จอหลังที่จัดมาแบบเต็มเหมือนรุ่นใหญ่ คือ Gapless ไม่มีช่องว่างระหว่าง จอกับแผ่นป้องกัน ทำให้มองเห็นในที่แสงจ้าหรือมองเห็นได้ชัดจากทุกๆมุม และจะแสดงผลชัดเจนหากเปิด LV ในโหมด VDO จะครอปมาเป็นสัดส่วน 16:9 มาให้เรียบร้อย แต่เสียดายไม่มีการปรับความสว่างอัตโนมัติ คนที่เข้าออกที่ แสงมากแสงน้อยบ่อยๆอาจจะปวดหัว 
ช่องมองภาพ ครอบคลุม 100% และกว้างขวางเพียงพอ ดูแล้วสบายตา หลายคนบ่นเรื่อง ทำไมเป็นสี่เหลี่ยม ไม่เป็นวงกลม ตรงนี้น่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบปรับใช้กับกะโหลกที่เล็กลง และทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากโข 

ปุ่มปรับระบบโฟกัสมีการทำงานเหมือน D800,D4,D7000 ทุกประการ คือ เลือกแมนวล กับ ออโต้ และฟังก์ชั่นย่อยของ ออโต้โฟกัส จะต้องกดปุ่มลงไปแล้วใช้วงแหวนควบคุม ปรับตั้งฟังก์ชั่นย่อยอีกที  
ระบบโฟกัส ให้มาเต็ม จัดมาหนัก แต่ไม่สุด 

ระบบที่ให้มานั้นมีมาครบทุกอย่าง ตั้งแต่ AF-A, AF-S, AF-C และทั้ง 3D-TRACKIN รวมไปถึง  Face Detection , Subject Tracking หรือระบบติดตามวัตถุในโหมด Live View และหลายๆคนคงได้สัมผัสมาแล้วจาก D7000 คือ 39 จุด แต่เสียงบ่นที่มีมากคือ กระจุกอยู่ตรงกลางมากไปนิด น่าจะเป้นปัญาทางโครงสร้างวิศวกรรม ไม่อย่างนั้น ก็ต้องเป็น เจตนาแบบที่เรียกว่า จงใจ ว่า กล้องที่ เน้นเดินทาง ท่องเที่ยว นิคอนอาจจะเจตนาหรือ ออกแบบมาจากแบบสอบถามส่วนใหญ่ ที่ไม่ได้เป็น โปร ว่า ก็ใช้กันส่วนใหญ่ตรงกลางอยู่แล้ว

ดังนั้นเลยโยกระบบจาก D7000 มาแต่พอวางบน FX นั้น เลยกลายเป็น เล็กและกระจุกไปนิด วันไหนรู้สึกอยากให้ครอบคลุมหน่อยก็ ปรับเปHo DX Crop แล้วมองเอาพอผ่อนคลายได้ 


สำหรับผู้ทดสอบนั้น พบว่า การใช้งานแบบ นักท่องเที่ยว และ คนเดินทาง ตามวัตถุประสงค์ที่ออกแบบมานั้น 39 จุด ที่ให้มานั้น เพียงพอ และ สนุกสนาน เพราะไม่ได้ต้อง จัดองค์ประกอบเน้นไปให้ คนหรือ หลายๆคน ต้องไปอยู่ริมภาพมากนัก จนต้องการจุดที่ อยู่ ตรงขอบเสียขนาดนั้น  

บ้านเรามักจะโดนอ้างอิงประสิทธิภาพการทำงานของกล้อง จากช่างภาพรับปริญญา ช่างภาพงานแต่ง งานอีเวนท์เสียเยอะ ดังนั้น อะไรไม่ตอบโจทย์งานเหล่านี้ ช่างภาพเหล่านี้จะเขียนไปในแง่ลบเสียมาก ดังนั้น ตอนเลือกกล้อง ต้องถามตนเองก่อนว่า กล้อง ถูกออกแบบมาเพื่อทำแบบนี้ และ เราต้องการอะไร … ดังนั้น หากบอกได้ว่า จะเอาไปใช้งานอะไร ก็สามารถเลือกกล้องได้ง่ายมากขึ้น ไม่ใช่ เลือกชุดที่เอาไว้ถ่ายงานแต่ง งานรับปริญญา หรืองานกลางคืนแสงน้อย เลนส์ไวแสงหมดทุกตัว แบกเดินเล่นในซอกถนนในเนปาลบ้าง หรือ ธิเบตบ้าง ตายกันพอดี เลือกใช้แบบที่ เราจะใช้ครับ ไม่ใช่ ไปเลือกตามคนที่ ไม่ได้ถ่ายแบบเราเลือกให้ครับ  เงินของท่าน ซื้อไปแล้ว ตอบโจทย์ของท่าน ง่ายๆสบายๆ 

ข้อตำหนิอีกเรื่องคือ การโฟกัสในที่มืดนั้นทำได้เพียง -1.0 EV ซึ่งรุ่นพี่ทั้ง 2 นั้นสามารถ ทำได้ถึง -2.0 EV ซึ่งทำให้การโฟกัสในที่แสงน้้ันทำได้ไม่เท่า D800 และ D4 แต่ถ้าแสงยามเย็น ย้อนแสง หรือ ก็ยังทำได้น่าประทับใจอยู่ไม่น้อย

อันนี้แถมที่แสงน้อยมาให้ดูพ่วงไปด้วย ที่เห็นเป็นยอดเขานี่ ดูดีๆ มีดาวอยู่นะครับ ตอนนั้น มืดเชียวล่ะครับ 
ครอป 100 ครับ
อันนี้แบบ NR OFF ครับ
ภาพเต็ม 6400 ไม่เปิดอะไรเลย 

ผมว่าดุเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ แต่ก็ต้องบอกว่า แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์เสียมากกว่า อันนี น่าจะเป็น 6400 ทื่ดูชัดเจนมากที่สุดใบหนึ่งครับ
แต่ก็เก็บไว้ใช้กับช็อตแบบนี้ได้ครับ ^^ ISO 6400
Lens Kit 

Nikkor AFS 24-85 VR 3.5 - 4.5 ตัวนี้นิคอนเลือกมาใช้งานคู่กับ D600 โดยเป็นเลนส์คิท ที่จัดชุดมาให้โดยเลนส์นั้นได้รับการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ซึ่งถ้าคำนวณกับน้ำหนักและช่วงการใช้งานนั้น เหมาะเหลือเกินกับการเป็นเลนส์ที่เอาไว้ใช้งานกับกล้องตัวนี้ เป็นคู่ที่เหมาะสมกับการเดินทาง การใช้งานทั่วไป การท่องเที่ยว และเป็นเลนส์ที่มีราคาไม่แพง น้ำหนักไม่เยอะมากนักเหมาะกับ การใช้งานเริ่มต้นสำหรับผู้ที่เริ่มใช้งาน FX และคิดจะต่อยอดไปเรื่อยๆ 

ใบนี้ที่ 24 มม ครับ
อันนี้ที่ 85 มม ครับ 

เลนส์มีน้ำหนักไม่ถึงครึ่งกิโลกรัม ซึ่งเมื่อใส่คู่กับ D600 แล้วนั้น จะมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ 1 กิโล 2 ขีด ถือว่า เบามากมาย ถ้าจะใช้กล้อง 1 เลนส์ 1 สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว ทำให้น้ำหนักของกระเป๋า มีเผื่อไปหา 70-200 F 4.0 VR NANO ที่กำลังจะวางขายในไม่ช้า ซึ่งน้ำหนัก 8 ขีดของ 70-200 VR F4.0 NANO นั้น จะทำให้ในกระเป๋าหนัก 2 กิโลกรัมพอดิบพอดี โดยที่มีไฟล์ 24 ล้าน และช่วงเลนส์ใช้งาน 24 - 200 มม กันสั่นทุกระยะ อะไรจะมีความสุขไปกว่านี้อีก หนักกว่าเลนส์ 70-200 VRII F2.8 ตัวเดียวไปแค่ 5 ขีดแต่พร้อมถ่ายได้แทบทุกอย่างแล้ว 

ครอป 100 มาให้ดูครับ ^^ 

บางครั้งสำหรับคนเดินทาง .... ขอเพียงเรื่องราวชัดเจน รูปนั้น ครอปๆไปแบ่งกันดูได้ 24 ล้าน กับเลนส์ 24-85 นั้น ... ก็ฟินได้ครับ
เลนส์ 24-85 มีข้อเสียอยู่บ้าง ตามสภาพที่ ราคานั้นประหยัดแบบเหมือนได้ปล่าว คือ ราคาจำหน่ายแยกอยู่ที่ 19,900 บาท แต่หากคำนวณในชุดคิทแล้ว จะมีราคาเพียง 17,900 บาทเท่านั้น ข้อเสียชัดเจนที่สุดของเลนส์คือ ขอบภาพ เมื่อซูมไปที่ 24 มม และใช้รูรับแสงต่ำกว่า 5.6 ขอบภาพจะไม่คมชัด โดยจะมีอาการขอบเบลอ ต้องบอกว่า ในราคาขนาดนี้ สำหรับผมเองถือว่า เบลอแบบใช้งานได้ เพราะถ้าจะให้ขอบคมกริบ … ก็จ่ายเพิ่มเกือบ 40000 บาท หรือ จะให้คมสุดๆก็ จ่ายอีก 60000 บาท เพื่อไปหา 24 F 1.4 นู่นเลย ดังนั้น ในราคาขนาดนี้ ต้องบอกว่า คุ้มสุดคุ้ม 

ครอป 100 ตรงมุมภาพครับ ด้านซ้ายครับ









ผมใช้งานเลนส์ตัวนี้ เป็น 99% ของการทดสอบกล้อง D600 ครับและต้องบอกว่า ทำได้น่าประทับใจกว่าที่คิด แฟลร์ไม่ได้เยอะมากมายนัก และน้ำหนักเมื่อจับคู่กับ D600 ทำให้การจับถือทำได้คล่องแคล่ว สมดุลดีเยี่ยมและกันสั่นก็ตอบสนองได้ดีแทบทุกช่วงเลนส์ ยิ่งถ้าใช้กับ ISO AUTO ที่กำหนดให้การเพิ่มค่าความไวแสงเป็นไปตามช่วงซูมด้วยแล้ว ต้องบอกว่าแทบไม่ต้องมานั่งปรับอะไรที่กล้องอีกเลย (ผู้ทดสอบใช้ ISO AUTO ตลอดการทดสอบเป็นเวลา 8 วัน ) 

ใบนี้ที่ 24 มม ครับ ย้อนไปตรงๆ 
จัดเข้าที่เข้าทาง เอาแฟลร์มาให้ดู เยอะใช้ได้ แต่ถ้าเลือกมุมดีๆก็สบายครับ

ไฟล์ 24.3 ล้าน เอาไปทำอะไร ? 

ไฟล์สำหรับท่องเที่ยว เยอะไปหรือไม่ …​ถ้าถามว่า เดินทางหรือ ทำงานไปด้วยกัน ไฟล์ระดับนี้ ลงตัว และมีให้ใช้แบบสบายๆ ถึงแม้จะไม่มี 14 bit Uncompressed แต่ก็มีแบบ Lossless มาให้ คือ บีบอัดน้อย แต่จากที่ใช้แล้วนั้น ประเภทของภาพ ที่พยายามดันกล้องขึ้นไปถ่ายให้ได้ หรือ เข้าไปใกล้ขีดจำกัดของไฟล์ให้มากที่สุด ค้นพบว่า ไม่ต่างอะไรกับตอนทำไฟล์ของ D800 สักเท่าไหร่ และความยืดหยุ่นของไฟล์ทั้ง JPEG และ RAW นั้นทำได้น่าประทับใจ สำหรับขาปรับแต่งหรือชอบทำไฟล์จะบอกว่า สบายๆและไม่ต้องกังวลกับสเปคตัวเลขมากนักครับ  

ใบนี้ ดึงด้วย shadow detail ใน VIEW NX2 ครับ 
ใบนี้ สำหรับขา LR และ ACR ครับ 

ดูซิว่า ไหวมั้ย ... ผม convert เป็น DNG ก่อนจะนำไปเปิดด้วย PS CS 6 นะครับ
ใช้ ACR ในการจัดการรายละเอียดส่วนมืดครับ ...​ คนที่ชอบ LR และ ACR พอจะนึกภาพตามได้นะครับ ดึงขึ้นมา ... บอกได้เยว่า 800 นั้น อยู่แค่เอื้อม แต่ทิ้ง 700 เสียไกลครับ ^^
ไฟล์กล้องที่เป็น NEF นั้นมีขนาดไฟล์โดยเฉลี่ย อยู่ที่ราวๆ 20 - 30 เมกกะไบต์ และ JPEG จะอยู่ที่ราว 8 - 15 เมกกะไบต์ ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ขอบเขตการบีบอัดของ JPEG ทำได้ดี น่าประทับใจ เรียกได้ว่า จะ RAW หรือ JPEG นั้นก็ทำได้ประทับใจและเหมาะกับคนที่ไม่ได้ต้องการถ่าย RAW ไฟล์ตลอดเวลาอีกด้วย 

แต่ใบนี้ เปิดแค่ Active D-lighting และที่สำคัญ คือ มันเป็น JPEG ครับ 




ความทนทาน 

ผู้ทดสอบใช้งานกล้องตัวนี้บนภาคสนาม พร้อมกับเลนส์ 24-85 โดยที่ใช้แบบ สมบุกสมบัน พอสมควรย้ำว่า สมบุกสมบันนะครับ ซึ่งอุณหภูมิในที่ ที่ทดสอบนั้น มีตั้งแต่ 20 องศา จนไปถึง - 10 องศาเซลเซียส และใช้งานในสภาพจริงทั้งหิมะ และฝุ่น ผมลองเปิดกล้องแล้วอัดวิดีโอทิ้งไว้โดยเอากล้องไปฝังไว้ในหิมะ 

ขณะที่กล้องทำงานอยู่ เป็นเวลาราวๆ 5 นาที ค้นพบว่ากล้องสามารถทำงานปกติ และบอดี้ที่ซีลแบบกันน้ำ กันฝุ่นมานั้นสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องน่าประทับใจ แบตเตอรี่ EN EL15 ในอากาศหนาวก็สามารถใชงานได้อย่างปกติถึงแม้จะ หมดเร็วกว่าปกติไปราวๆ 25% แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นปัญหา 
ภาพด้านบน แคปมาจาก VDO น่ะครับเลยไม่ชัดเท่าไหร่แหะๆ ไว้จะรีบทำ VDO เบื้องหลัง field test มาให้ชมกันนะครับ ^^ 

ปัญหาตอนนี้ คือ กล้อง D600 มีโครงส้รางที่ มีจุดบกพร่อง คือ รอยต่อของชุดยกกระจกและม่านชัตเตอร์นั้น มี ช่องว่าง อยู่ 1 ช่องทำให้มีการ รั่วเข้าไปของฝุ่น ทุกครั้งที่มีการลั่นชัตเตอร์ หากในช่องหลังเลนส์ ตรงกระจก หรือ ท้ายเลนส์ มีฝุ่นน่าจะถูกดูดเข้าไปติดบนเซนเซอร์ได้ไม่ยากเย็น ตรงนี้ผมเจอเองกับตัว 

คือ ถ้าเปลี่ยนเลนส์ไม่ระวังและปล่อยให้ฝุ่นเข้าไปใน ห้องกระจก มากนั้น จะถูกดูดเข้าไปตก มุมขวาบนของเซนเซอร์ (ถ้าหันเราหน้าเข้าหลังกล้องนะครับ) ได้ง่ายดาย ซึ่งจะแสดงผลของฝุ่น ที่ขอบซ้ายบนของภาพ ดังนั้นหาดเป็นคนที่ใช้ รูรับแสงแคบบ่อยๆล่ะก็ ปัญหานี้ ต้องระวังที่ตนเองกันไปก่อน จนกว่านิคอนจะมีวิธีการแก้ไขมาให้ ซึ่งตรงนี้นั้นถ้าผู้ใช้งานนั้น อยู่ในพื้นที่ถ่ายที่ ฝุ่นเยอะ อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังสักนิด และหมั่นตรวจสอบฝุ่นบนเซ็นเซอร์ให้บ่อยครั้งขึ้นครับ 
บทสรุปโดยรวม 

ข้อดี 

1. ไฟล์ 24 ล้านใช้งานได้ หวังผลได้ และ ไฟล์ดีเกินกว่าจะให้ข้อเสีย ในราคาระดับนี้ 
2. ระบบโฟกัสให้มาครบครับใช้งานง่ายและรวดเร็ว 
3. บอดี้ทนทานและสวยงาม วัสดุที่ใช้ประกอบทำได้ดีเยี่ยม 
4. ลูกเล่นมีมาให้ครบ วิดีโอใช้ในงานระดับมืออาชีพได้เลย 
5. ช่องต่อพ่วงอุปกรณ์เสริมมีมากมายเพียงพอ 
6. ชุดคิทที่จัดมาให้ลงตัว และใช้งานได้จริง 
7. ช่องมองภาพครอบคลุม แม่นยำ และกว้างสบายตา 
8. น้ำหนักเบา จับถือง่าย สะดวก
9. ใส่ SD ได้ 2 อันและเลือกใช้การ์ดได้อิสระ
ข้อเสีย 

1. จุดโฟกัสที่ยกมานั้นเมื่อใช้กับ FX แล้ว จุดโฟกัสจะกระจุกอยู่ตรงกลางค่อนข้างเยอะหลายคนบ่นว่าใช้ไม่สะดวก 
2. การโฟกัสในที่แสงน้อยทำได้ไม่ดีเท่ารุ่นพี่
3. การปรับ Live View สำหรับภาพนิ่งนั้น ไม่สามารถปรับ รูรับแสงได้ และแสดงผลได้ในทันที ต้องปิดสวิทช์ LV ก่อนและกดเข้ามาใหม่ ถึงจะเห็นผลของรูรับแสง 
4. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูรับแสง ขณะถ่าย VDO ได้ ต้องปรับใน LV ในโหมด ภาพนิ่งก่อน จึงจะเข้ามาถ่าย VDO ด้วยเอฟนั้นๆได้ คิดว่าน่าจะมีเฟิร์มแวร์มาแก้ได้
บทสรุปรวม 

เป็นกล้องที่มีประสิทธิภาพสูงเกินหน้าตา และมีน้ำหนักเบา นิคอนน่าจะวางตำแหน่งเอาไว้ สำหรับการเป็นกล้องสำหรับคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว และใช้งานทั่วไปแต่ยังไม่อยากทิ้งฟิลลิ่งของฟูลเฟรมและประสิทธิภาพของไฟล์อันน่าทึ่ง D600 นั้นทำให้ นักเดินทางท่องเที่ยว ที่ถ่ายรูปจริงจังแบบผม แฮปปี้กับกล้องเป็นอย่างมาก 


กล้องอย่าง D4 และ D800E ที่นำไปด้วยนั้นกดชัตเตอร์ไปไม่ถึง 2000 ภาพในเวลา 8 วันที่ท่องเที่ยว แต่ใช้เจ้า 600 อย่างสบายใจ เพราะให้ความรู้สึกได้ไม่ต่างกันมากมายนัก เพราะช่วงเลนส์ที่หยิบใช้เลือกใช้นั้น เป็น FX เหมือนกัน สำหรับผมถือว่า หากใครคิดจะเริ่มจูบปากกับ FX หรือ มี FX อยู่แล้วล่ะก็ 600 จะทำให้ วันสบายๆของคุณสนุกขึ้นไปอีก โดยที่หวังผลได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเคย ชุดที่ลงตัวหากมีชุดคิทอยู่แล้วล่ะก้อ เลนส์อย่าง 70-200 VR F4.0 นั้นน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี บวกกับ 85 F 1.8 G อีกสักตัว เท่านี้ก็สร้างรูปดีๆได้แล้วครับ 
ย้ำกันอีกครั้งว่า กล้องมีจุดประสงค์ของการออกแบบของมันเอง และ ถ้าเราจะเลือกใช้กล้องสักตัว ต้องลองถามตนเองเป็นหลักว่า ตนเองต้องการอะไร และคนที่แนะนำนั้น ใช้งานแบบใดอยู่ เราอาจจะใช้งานไม่เหมือนเขา ดังนั้น เอาตนเองเป็นที่ตั้งครับ เลนส์เอย บอดี้เอย มีให้เลือกใช้มากมาย ตามความต้องการ และ ความเหมาะสมกับภาพที่จะได้ ดังนั้น ให้ตนเองเป็นตัวตัดสินง่ายที่สุดครับ ข้อดีของกล้องรุ่นนี้เราชอบไหม ใช้บ่อยไหม หรือ ข้อเสียที่กล้องมีนั้น เราจะมีโอกาสเจอบนการใช้งานแบบของเราบ่อยมากน้อยเพียงใด ต้องสำรวจตนเอง และ คิดไตร่ตรองดีๆครับ แล้วเราจะได้กล้องที่ถูกใจไปตลอดครับ 

คะแนน 

วัสดุ การประกอบ 9/10 
ไฟล์ภาพ 8/10
ระบบโฟกัส 7/10 
ลูกเล่นการใช้งาน 8.5/10 
การจับถือ 8.5/10 

คะแนนรวม 8.2/10 

HIGHLY RECOMMENDED ครับผม ^^




Credit : Pixpro House